วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ขนมผิง

                                              ขนมผิง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมไทย : ขนมผิง
 * แป้งมัน 6 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
 * หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
 * ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
 * เทียนอบ




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 
 1. นำกะทิไปตั้งบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลลงไป คนจนน้ำตาลละลายดี

2. จากนั้นจึงใส่แป้งลงไปในกะทิ ใส่ทีละน้อย ใส่แล้วคนต่อเนื่องจนแป้งนุ่ม จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ แล้วจึงนำไปวางบนถาดซึ่งทาน้ำมันไว้บางๆ ปั้นทิ้งไว้ 1 คืนจนแห้ง (อย่าวางชิดกันมาก เนื่องจากเวลานำไปอบขนมอาจขยายและติดกันได้)

 3. วันรุ่งขึ้นนำแป้งที่ปั้นไว้ไปอบในเตาประมาณ 15 นาที หรืออบจนส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน จึงเอาออกมาแซะออก และนำไปอบควันเทียน

 4. จัดขนมใส่จานเสริฟ หรือใส่โหล, ภาชนะมิดชิดเก็บไว้ทานภายหลัง

ขนมเค๊กกล้วยหอม

                                    ขนมเค๊กกล้วยหอม



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมเค๊กกล้วยหอม
 * กล้วยหอม 300 กรัม
 * แป้งสาลี 250 กรัม
 * ไข่ไก่ 250 กรัม
 * เนย 150 กรัม
 * น้ำตาลทราย 150 กรัม
 * โซดาไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนชา
 * ผงฟู 1/2 ช้อนชา


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ผสมเนย, กล้วย และโซดาไบคาร์บอเนต ตีจนขึ้นฟู

2. ผสมน้ำตาลทรายและไข่เข้าด้วยกัน ตีจนขึ้นฟู จากนั้นจึงแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกนำไปตีผสมกับเนยและกล้วย (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่ง) คนให้เข้ากัน

3. ร่อนแป้งและผงฟูรวมกัน จากนั้นจึงนำส่วนผสมไข่กับน้ำตาลทรายส่วนที่แบ่งไว้อีกส่วนมาผสมกัน คนให้เข้ากันดี 

4. นำส่วนผสมทั้งสองส่วนมาผสมเคล้ากันให้ทั่ว จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ จากนั้นจึงนำไปอบที่อุณหภูมิ 430 องศาฟาเรนไฮต์จนสุก

ขนมมะพร้าวแก้ว

                                     ขนมมะพร้าวแก้ว




เครื่องปรุง + ส่วนผสม

 ขนมหวานไทย : ขนมมะพร้าวแก้ว
 * มะพร้าวขูดเป็นเส้นๆ 3 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
 * น้ำลอยดอกมะลิ 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
 * เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
 * สีผสมอาหาร (แล้วแต่สีที่ชอบ)


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ผสมน้ำเปล่าและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งบนไฟอ่อนจนละลาย ใส่เกลือลงไป เคี่ยวต่อจนเหนียวเป็นยางมะตูม แล้วจึงเติมสีผสมอาหารลงไป (ถ้าต้องการหลายสี ให้แบ่งน้ำเชื่อมออกมาเป็นส่วนๆ ตามจำนวนสีที่ต้องการ) 

2. เมื่อเตรียมน้ำเชื่อมเสร็จแล้ว ใส่มะพร้าวขูดลงไปเชื่อม คนให้ทั่วเพื่อให้น้ำตาลจับมะพร้าวให้ทั่วทั้งเส้น เชื่อมจนน้ำงวดลงจึงปิดไฟ

 3. ตักมะพร้าวเชื่อมออกมาวางบนถาด ใช้ช้อนจัดแต่งรูปทรงให้เป็นลักษณะก้อนกลมขนาดพอๆกัน (ต้องทำให้เสร็จก่อนน้ำเชื่อมแห้ง) เมื่อทำเสร็จ ให้นำไปผึ่งแดดจนแห้ง

 4. จัดใส่จานเสริฟหรือใส่ภาชนะมิดชิดเพื่อเก็บไว้รับประทานภายหลังได้

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ขนมน้ำดอกไม้

ขนมน้ำดอกไม้



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
ขนมหวานไทย : ขนมน้ำดอกไม้

 * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
 * แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำลอยดอกมะลิ 2 1/2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
 * สีผสมอาหาร (ตามความชอบ)




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 
1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อม จากนั้นนำไปร่อนและพักทิ้งไว้
2. นำน้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาลทรายไปตั้งในหม้อบนไฟอ่อนๆ คนจนผสมกันทั่วและน้ำตาลละลายดีจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น
 3. นำน้ำเชื่อมและแป้งผสมกันทีละน้อย คนจนส่วนผสมเข้ากันดี จึงใส่สีผสมอาหารลงไป ควรผสมให้เป็นสีโทนอ่อนจะน่าร้บประทานมากกว่าสีเข้ม
 4. นำแบบพิมพ์ที่ต้องการไปนึ่งให้ร้อนประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงหยอดน้ำแป้งลงในแบบพิมพ์ที่ต้องการ แล้วนำไปนึ่งประมาณ 15 นาทีจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น แคะออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ

ขนมปุยฝ้าย

ขนมปุยฝ้าย




เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
ขนมหวานไทย ขนมหวานไทย : ขนมปุยฝ้าย
 * แป้งสาลี 450 กรัม
 * เอสพี 1 ช้อนโต๊ะ (ดูรายละเอียดเอสพี* ด้านล่าง)
 * ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
 * ไข่ไก่ 2 ฟอง
 * น้ำตาลทราย 250 กรัม
 * น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
 * นมข้น 1/2 กระป๋อง
 * น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
 * สีผสมอาหาร (เลือกสีตามความต้องการ), กลิ่นมะลิ (หรือตามชอบ)
 * ลูกเกด (สำหรับแต่งหน้า)


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. ผสมเอสพี น้ำตาลทรายและน้ำ 1 ถ้วยเข้าด้วยกัน จากนั้นคนด้วยเครื่องตีไข่ ระหว่างคนตอกไข่ลงไป 2 ฟองและคนต่อไปเรื่อยๆ
 2. นำผงฟูผสมกับแป้งสาลี แล้วนำไปร่อน จากนั้นจึงใส่ผสมลงไปกับส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1 คนต่อไปให้เข้ากันทั่ว
 3. ใส่น้ำ 1 ถ้วยตวง, นมข้น และน้ำมะนาว คนหรือตีต่อไปจนส่วนผสมขึ้นขาว จึงใส่สีและกลิ่นตามความชอบ
 4. จากนั้นนำส่วนผสมไปหยอดลงในแบบหรือพิมพ์ที่เตรียมไว้ แต่งหน้าด้วยลูกเกด (แล้วแต่ความชอบ) และนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงๆ ประมาณ 10 นาทีหรือจนสุก จึงยกลง 
 5. ทิ้งไว้ให้เย็น สามารถนำไปเสริฟทานได้ทันที *เอสพี เป็นส่วนผสมที่ผลิตเพื่อใช้ในขนม ที่เราต้องการฟองมาก ๆ เช่น สปันจ์เค้ก แยมโรล และ ขนมปุยฝ้าย ส่วนผสมของเอสพี มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ช่วยทำให้เกิดฟองได้ดี และช่วยให้ฟองอยู่ตัว นอกจากนั้นยังช่วยให้ปริมาตร ขนมใหญ่ขึ้นและช่วยให้ขนม นุ่ม และสด นานขึ้น

เม็ดขนุน

สูตรเม็ดขนุน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
  ขนมหวานไทย : ขนมเม็ดขนุน

 * ถั่วเขียวเลาะเปลือก 450 กรัม
 * น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
 * น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
 * น้ำกะทิ 400 กรัม
 * น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
 * ไข่เป็ด 5 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
  


วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)

2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี 

3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)

5. ทำน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า นำไปเคี่ยวในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้) จนเหนียวข้นเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ 

6. ตอกไข่และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงมารวมกัน เขี่ยพอให้ไข่แดงแตก จากนั้นจึงนำเม็ดขนุนที่ปั้นเตรียมไว้ใส่ลงไปแช่ในไข่แดงทีละเม็ด แล้วจึงนำไปใส่ในน้ำเชื่อม พยายามอย่าให้ติดกัน พอใส่ลงไปมากแล้วจึงนำกระทะไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนสุกทั่งจึงตักออกมาพัก ทำซ้ำเช่นนี้จนเม็ดขนุนที่ปั้นไว้หมด 

7. จัดเม็ดขนุนใส่จาน เสริฟทานเป็นของว่างในวันสบายๆ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สูตรขนมหวานไทย : หม้อแกง

สูตรขนมหวานไทย : หม้อแกง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม ขนมหวานไทย 

: ขนมหม้อแกงลูกบัว
 * ถั่วเขียว 250 กรัม (เผือก, เม็ดบัว, อื่นๆ)
 * น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
 * ไข่เป็ด 3 ฟอง * หอมแดงซอยละเอียด 3 ลูก
 * ใบเตย 3 ใบ

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำหอมแดงไปเจียวในน้ำมันจนเหลืองและกรอบ (ระวังไหม้ ควรเจียวด้วยไฟอ่อนๆ ) 

2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกไปแช่ในน้ำและนำไปนึ่งจนสุก หรือถ้าใช้เผือกก็ปอกเปลือกและนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นจึงนำเผือกไปยีให้เป็นชิ้นเล็กๆ

3. ในชามขนาดกลาง, ผสมไข่ น้ำตาลปี๊บและเกลือ แล้วขยำโดยใช้ใบเตยให้เข้ากันดี น้ำตาลละลายหมด จากนั้นจึงใส่หัวกะทิลงไป ขยำต่ออีกจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อเอาสิ่งสกปรกออก

4. เอาถั่วหรือเผือกใส่ลงไปในส่วนผสมที่กรองแล้ว และใส่น้ำมันที่เหลือจากการเจียวหอมแดง (ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี 

5. นำส่วนผสมที่ได้ไปกวนด้วยไฟร้อนปานกลางในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) กวนจนส่วนผสมเริ่มข้นก็พอ ถ้ากวนมากเมื่อนำไปอบจะ ไม่น่าทานเพราะจะแตกมัน ที่เรานำมากวนก็เพื่อป้องกันไม่ให้ส่วนผสมแยกชั้นเมื่อนำไปอบเนื่องจากไข่กับกะทิ ไม่เข้ากันดี 

6. นำส่วนผสมที่กวนแล้วไปอบ โดยใส่ถาดหรือแบบที่ต้องการ ใช้ความร้อน 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) อบประมาณ 30 - 40 นาที จากนั้นจึงนำหอมเจียวไปโรยหน้าและอบต่ออีกประมาณ 5 นาที 

7. ถ้าอบโดยใส่ถาดไว้ เวลาเสริฟก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามความเหมาะสม ถ้าอบโดยใส่แบบอื่นๆไว้ ถ้าขนาดแบบไม่ใหญ่มาก อาจเสริฟได้พร้อมแบบทันที

สูตรขนมหวานไทย : วุ้นกะทิ

สูตรขนมหวานไทย : วุ้นกะทิ




เครื่องปรุง + ส่วนผสม ขนมหวานไทย :

 วุ้นกะทิใบเตย + ส่วนผสมตัววุ้น +
 * วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำเปล่า 5 1/2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
 * น้ำใบเตย,น้ำกาแฟ หรือสีผสมอาหาร (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
ส่วนผสมหน้าวุ้น +
 * วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำมะพร้าว 2 1/2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วยตวง
 * หัวกะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง
 * แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
 * เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
 * แม่พิมพ์สำหรับใส่วุ้น (ถ้วยหรือชามเล็กๆ ก็สามารถใช้แทนกันได้)

  วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ทำตัววุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำเปล่า ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย (หมายเหตุ : สามารถใส่น้ำใบเตยเพื่อทำวุ้นกะทิใบเตยหรือ น้ำกาแฟเพื่อทำวุ้นกะทิกาแฟ หรืออาจใส่ สีผสมอาหารเพื่อให้ได้สีที่ต้องการสำหรับตัววุ้น)

 2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้ละลายดีจึงหรี่ไฟเบาลง 

3. ตักส่วนผสมตัววุ้นลงไปในแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้ โดยหยอดให้ได้ประมาณ 3/4 ของแบบ และปล่อยไว้ให้วุ้นจับตัวพอตึง

 4. ระหว่างรอตัววุ้นแข็ง เตรียมทำหน้าวุ้นโดย ใส่ผงวุ้นและน้ำมะพร้าว ลงในกระทะทองเหลืองแล้วนำไปต้มจนผงวุ้นละลาย

 5. จากนั้นจึงใส่แป้งข้าวโพด, หัวกะทิ (ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง) และ เกลือลงไปในส่วนผสมหน้าวุ้น คนอย่างต่อเนื่องจน ส่วนผสมละลายเข้ากัน 

6. ใส่หัวกะทิที่เหลือลงไป คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำส่วนผสมของหน้าวุ้นไปหยอดใส่พิมพ์ให้เต็มอย่างปราณีต (พิมพ์ต้องใส่ตัววุ้นก่อน และต้องรอจน ตัววุ้นแข็งพอตึงๆก่อน มิเช่นนั้นตัววุ้นและหน้าวุ้นจะผสมกัน) 

7. เมื่อหน้าวุ้นและตัววุ้นแข็งดีแล้วก็ให้เคาะออกจากแบบ จัดใส่จานและเสริฟได้ทันที

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สูตรขนมไทย : ถั่วแปป โรยน้ำตาลและงาขาว

สูตรขนมไทย : ถั่วแปป โรยน้ำตาลและงาขาว



สูตรขนมถั่วแปป ถั่วแปปเป็นขนมไทยที่มีประวัติมายาวนาน ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นส่วนประกอบหลัก เป็นขนมไทยที่อร่อยและไม่ตกยุค เคี้ยวหนึบเคี้ยวเพลินเหมาะกับทุกเพศทุกวัย สูตรถั่วแปปนี้เป็นสูตรที่อร่อยมากๆ และทำง่าย วิธีทำตามด้านล่างค่ะ
  ส่วนผสม ส่วนผสมแป้ง
แป้งข้าวเหนียว (1 1/2 ถ้วย) (160 กรัม)
 น้ำลอยดอกมะลิ (150 กรัม) (หรืออาจใช้น้ำเปล่าผสมกลิ่นมะลิ 5 หยด)
 ถั่วเขียวซีกสุก (1 ถ้วย)
 มะพร้าวทึนทึก (2 ถ้วย)
 เกลือ (1/4 ช้อนโต๊ะ)
 ส่วนผสมเครื่องจิ้ม
 น้ำตาลทราย (1/2 ถ้วย)
 งาขาวคั่วบุบ (1/4 ถ้วย)
 สีผสมอาหาร (2-3 หยด
: น้ำเปล่า 1 ช้อนชา)

  วิธีทำ

  1.นำถั่วเขียวซีกแช่น้ำไว้ 4-5 ช.ม. หรือ 1 คืน แล้วนำมานึ่งให้สุกนุ่ม แล้วพักไว้ให้เย็น
  2.ขูดมะพร้าวทึนทึกแล้วนึ่ง 5 นาที แล้วเอาไปคลุกเกลือเล็กน้อย เพื่อป้องกันการบูด  3.เตรียมน้ำ      ลอยดอกมะลิ โดยใส่กลิ่นมะลิ 5 หยดลงในน้ำ 150 ml (ถ้ามีน้ำลอยดอกมะลิก็ข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยค่ะ)
  4.นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน โดยค่อยๆใส่น้ำ 
 5.แบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน (ก้อนละประมาณ 100 กรัม) เตรียมสีโดยใช้น้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา ผสมกับสีที่  ต้องการ 2-3 หยด แล้วเอาไปใส่โดที่แบ่งไว้ นวดให้นุ่มเนียน 6. แบ่งโดเป็นก้อนกลมขนาด 15-20 กรัม  ปั้นๆให้เป็นก้อนรีๆแล้ว กดให้แบนลง
 7.นำก้อนแป้งไปต้มให้สุก พอแป้งสุกแป้งจะลอยขึ้นมาผิวน้ำ
 8. ช้อนแป้งที่ลอยน้ำออกไปใส่ไว้ในน้ำ เพื่อพักแป้งไม่ให้ติดกัน 
9. ผสมถั่วเขียวที่เตรียมไว้
 (ข้อ.1) กับมะพร้าวทึนทึก
 (ข้อ.2) เข้าด้วยกัน แล้วนำแป้งที่คลายร้อนแล้วมาคลุกให้ทั่วแผ่น วิธีทำเครื่องจิ้ม นำงามาคั่วไฟพอหอม แล้วนำไปบุพอแตก จึงนำไปผสมกับน้ำตาลทราย คลุกให้เข้ากัน

สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน

วันนี้พิมอยากจะมาชวนเพื่อนๆ ทำหนึ่งในขนมไทยที่พิมชอบทาน นั่นก็คือ สาคูเปียก อ่ะค่ะ จริงๆ จะว่าไป สาคุเปียกแบบเดี่ยวๆ ไม่ใช่ขนมที่พิมชอบมากสักเท่าไหร่นักคะ ^_^ เพราะโดยปกติพิมจะชอบทานสาคูเปียกคู่กับแกงบวดถั่วดำใส่ไข่ซะมากกว่าอ่ะค่ะ ^_^ แต่ว่านานๆ ทำที แล้วทำเป็นสาคูเปียกข้าวโพด-เผือก-มะพร้าวอ่อน แบบว่าใส่รวมหลายๆ อย่าง แล้วราดกะทิเค็มๆ มันๆ หอมๆ ก็อร่อยไปอีกแบบนะคะ ...... กินเพลินๆ หมดไป 2 ถ้วยไม่รู้ตัวเลยอ่ะค่ะ >_< ไปดูส่วนผสมกับวิธีทำกันเลยดีกว่าค่า






:: ส่วนผสมและเครื่องปรุง ::
 - สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วย
 - น้ำมะพร้าวอ่อน (มะพร้าวน้ำหอม) 2 ถ้วย
 - น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย
 - น้ำตาลทรายขาว 1 + 1/4 ถ้วย
 - น้ำใบเตยคั้น 3 ชต.
 - ข้าวโพดเหลืองต้มสุก ฝานเอาแต่เม็ด 1/2 ถ้วย
 - เผือกหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ต้มสุก 1/2 ถ้วย
 - มะพร้าวอ่อน หั่นเป็นเส้น 1/2 ถ้วย
 - ใบเตยล้างสะอาดมัดรวมกัน 3 ใบ
 - กะทิอัมพวา 1 กล่อง
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ชช
.- เกลือสมุทรป่น 1/2 ชช.

:: วิธีทำ :: อันดับแรก เราจะมาเตรียมเม็ดสาคูกันก่อนนะคะ โดยให้เราเอาสาคูใส่กระชอนตาถี่ๆ ค่ะ แล้วเทน้ำประมาณ 1-2 ถ้วย ลงไปให้ทั่วเม็ดสาคู พอสาคูเปียกน้ำทุกเม็ดแล้ว ก็หยุดเทน้ำ แล้วพักเม็ดสาคูไว้ในกระชอนนะคะ
จากนั้นให้เราเทน้ำมะพร้าวอ่อน น้ำลอยดอกมะลิใส่ลงในหม้อใบย่อม ๆ พร้อมกับใบเตยที่เราล้างสะอาด และมัดรวมกันเรียบร้อยแล้วนำหม้อขึ้นตั้งไฟ โดยใช้ไฟกลางค่ะ พอน้ำในหม้อเดือดจัดก็เทสาคูใส่ลงไปเลยนะคะ (ต้องรอให้น้ำเดือดจัดจริงๆ ก่อน ค่อยใส่สาคูลงไป ไม่งั้นหากน้ำแค่ร้อนๆ แล้วใส่สาคูลงไปเลย สาคูจะละลายเป็นแป้งเปียกค่ะ) ใช้ไม้พายหรือทัพพีเขี่ยๆ ให้สาคูกระจายตัวออกจากกันสักหน่อย แล้วก็คนก้นหม้อเป็นระยะ เพื่อไม่ให้สาคูติดก้นหม้อนะคะ
พอเม็ดสาคูเริ่มสุก (ใส และเหลือไตสีขาวแค่นิดหน่อย) ก็ให้ใส่น้ำตาลลงไปเลยค่ะ แล้วคนให้น้ำตาลละลาย เพิ่มเติม :: หากใส่น้ำตาลลงไปแล้ว เม็ดสาคูจะไม่สุกเพิ่มขึ้นแล้วค่ะ เพราะน้ำตาลจะไปรัดเม็ดสาคู ดังงั้นให้แน่ใจว่าเม็ดสาคูสุกได้ที่แล้ว ค่อยใส่น้ำตาลลงไปนะคะพอน้ำตาลละลายดี จะเห็นว่าสาคูในหม้อของเราเริ่มมีความใสและวาว ก็แต่งกลิ่น+สี ด้วยการใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปสัก 3 ชต. แล้วคนให้เข้ากันดีนะคะ เพิ่มเติม :: วิธีคั้นน้ำใบเตยคือ หั่นใบเตยแก่ที่ล้างสะอาดแล้วสัก 5-6 ใบเป็นชิ้นเล็ก เอาใบเตยใส่ครก โขลกให้ละเอียด ผสมน้ำลงไปสัก 4 ชต. แล้วคั้นเอาไว้แต่น้ำค่ะ หรือไม่อย่างนั้นก็เอาใบเตยที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ใส่น้ำเปล่าลงไปพอให้ปั่นได้ แล้วปั่นจนใบเตยละเอียด ก็กรองเอาไว้แต่น้ำเช่นเดียวกันค่ะพอน้ำใบเตยเข้ากับสาคูดีแล้ว ก็ใส่มะพร้าวอ่อน ข้าวโพด และเผือกลงไป (ใส่แปะก๊วยเชื่อม วุ้นมะพร้าว ลูกชิด .. เพิ่มได้) คนทุกอย่างให้เข้า และรอเดือดเบา ๆ อีกทีเป็นใช้ได้ ปิดไฟแล้วยกหม้อลงจากเตาได้เลยค่ะต่อมาเราจะมาทำหน้ากะทิที่เค็ม ๆ กันนะคะ ...... ก็ให้เราเทกะทิใส่ลงในหม้อใบเล็ก ๆ สักใบค่ะ แล้วใส่แป้งสาลีกับเกลือป่นตามลงไป คนให้เข้ากันดี นำไปตั้งบนเตาไฟ คนๆๆๆ จนกระทั่งแป้งสุกใส กะทิมีข้นขึ้น ก็ปิดไฟและยกลงจากเตาได้เลยอ่ะค่ะถึงเวลาทานก็ตักสาคูเปียกของเราใส่ถ้วยสวย ๆ สักใบ แล้วตักหัวกะทิราดไปสัก 2-3 ชต. หรือมากน้อยตามความเค็มที่ชอบ ^_^ ...... เท่านี้เราก็จะได้สาคูเปียกมะพร้าวอ่อน (รวมมิตร) ที่ทั้งทำไม่ยากและก็อร่อยแล้วอ่ะค่ะ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สูตรขนมหวานไทย : ขนมโตเกียว

         สูตรขนมหวานไทย : ขนมโตเกียว




 เครื่องปรุง + ส่วนผสม

 ขนมหวานไทย : ขนมโตเกียว + ส่วนผสมทำตัวแป้ง +
 * ไข่ไก่ 4 ฟอง
 * แป้งสาลี 2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
 * น้ำ 3/4 ถ้วยตวง
 * โซดาไบคาร์บอเนต 1 ช้อนชา + ส่วนผสมไส้ขนมโตเกียว +
 * ไข่ไก่ 4 ฟอง
 * แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
 * นมข้น 1 กระป๋อง
 * กลิ่นวานิลา 1 ช้อนโต๊ะ
 * เนย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำ 3/4 ถ้วยตวง * เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
 * ไส้กรอก (แล้วแต่ความชอบ)
 * แยมผลไม้ (แล้วแต่ความชอบ)



วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 


1. ทำตัวแป้งโดยผสมน้ำเปล่ากับโซดาไบคาร์บอเนต จากนั้นจึงใส่ไข่ไก่และน้ำตาลทรายลงไป ตีพอให้น้ำตาลละลาย (ไม่ต้องตีจนฟู) จากนั้นจึงใส่แป้งสาลีลงไป คนจนแป้งละลายดีและส่วนผสมเข้ากัน เสร็จแล้วพักทิ้งไว้
 2. ทำไส้ขนมโดยนำนมข้นผสมกับแป้งข้าวโพดและเติมน้ำเปล่าลงไป จากนั้นนำไปตั้งบนไฟอ่อน กวนจนแป้งสุกจึงใส่ไข่ลงไป กวนจนเข้ากัน จึงใส่กลิ่นวานิลา, เกลือ และเนย คนจนส่วนผสมเข้ากันดีจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น
 3. วิธีทำขนม : ตักส่วนผสมตัวแป้งและละเลงบนกระทะแบน พอแป้งสุกจึงตักไส้ขนมใส่บนตัวแป้ง (กรณีต้องการทำไส้ไส้กรอก ก็นำไส้กรอกลงไปวางบนตัวแป้ง หรือต้องการทำไส้แยมก็ทาแยมผลไม้ลงไปบนตัวแป้ง) ม้วนปิดไส้ แซะออกจากกระทะ จัดใส่จานเสริฟได้ทันที

สูตรขนมหวานไทย : ขนมเบื้อง

สูตรขนมหวานไทย : ขนมเบื้อง


เครื่องปรุง + ส่วนผสม + ส่วนผสมตัวแป้ง +


 * แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม
 * แป้งถั่วเขียว 200 กรัม
 * แป้งสาลี 100 กรัม
 * น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
 * น้ำปูนใส 2 ถ้วยตวง
 * ไข่เป็ด (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง + ส่วนผสมน้ำตาลทาขนม +
 * น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
 * ไข่เป็ด (เฉพาะไข่ขาว) 20 ฟอง + ส่วนผสมหน้าครีม +
 * ไข่เป็ด (เฉพาะไข่ขาว) 3 ฟอง
 * น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
 * ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา + ส่วนผสมไส้ +
 * ไส้หวาน : มะพร้าวขูด, ฝอยทองและงาขาว
 * ไส้เค็ม : นำกุ้งสดไปผัดกับน้ำมัน จากนั้นปรุงรสด้วยพริกไทย, เกลือ, ต้นหอมซอย และผักชี ี ขนมไทย : ขนมเบื้อง ขนมไทย : ขนมเบื้อง

 วิธีทำขนมไทย 

ทีละขั้นตอน
 1. เตรีมทำตัวแป้งโดยนำแป้งข้าวเจ้า, แป้งถั่วเขียวและแป้งสาลีไปร่อนรวมกัน แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำปูนใส, น้ำตาลปี๊บและไข่แดง นวด(ขยำ) จนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วจึงพักไว้
 2. เตรียมทำน้ำตาลทาขนมเบื้อง โดยนำไข่ขาวและน้ำตาลปี๊บมาผสมกัน คนจนน้ำตาลละลายทั่วดี แล้วจึงพักไว้
 3. เตรียมทำส่วนผสมหน้าครีม โดยผสมไข่ขาว, น้ำตาลทรายและครีมออฟทาร์ทาร์เข้าด้วยกัน ตีจนส่วนผสมเข้ากันดี, ผิวเนียนและขึ้นฟู จึงพักไว้
 4. ตั้งไฟบนกระทะก้นแบน ใช้กระจ่าแตะที่ส่วนผสมตัวแป้ง (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 1) แล้วละเลงบนกระทะ จากนั้น จึงเลือกเอาว่าจะทาน้ำตาล (ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 2) หรือจะทาครีม (ส่วนผสมที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 3) เลือกเอา อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แล้วละเลงบนตัวแป้ง 
5. จากนั้นจึงเลือกว่าจะใส่ไส้เค็มหรือไส้หวาน เมื่อใส่ไส้เสร็จแล้ว รอสักพักจนขนมสุกจึงพับครึ่งแล้วแซะใส่ถาด หรือจัดใส่จานเสริฟ

บัวลอย ไข่หวาน

                       บัวลอยไข่หวาน





เครื่องปรุง + ส่วนผสม


 ขนมหวานไทย :
 บัวลอยมะพร้าวอ่อน +ส่วนผสมบัวลอย+
 * แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวง 
 * เผือกนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง (กรณีต้องการบัวลอยหลายสีสามารถเลือกใช้ฟักทอง เพื่อทำ  บัวลอยสีเหลือง, ใบเตย เพื่อทำบัวลอยสีเขียว, อื่นๆ)
 * น้ำเปล่า 1/4 ถ้วยตวง +ส่วนผสมน้ำกะทิ+
 * กะทิ 2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
 * น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
 * เกลือป่น 1 ช้อนชา
 * เนื้อมะพร้าวอ่อน, ไข่ (จะมีหรือไม่มีก็ได้) * งาขาว (สำหรับแต่งหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)


วิธีทำขนมไทย


 ทีละขั้นตอน
 1. ทำบัวลอยโดยผสมแป้งข้าวเหนียว, เผือกนึ่งและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นวดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ระหว่างปั้นนั้น ควรโรยด้วยเศษแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกบัวลอยติดกัน (ถ้าต้องการทำบัวลอยหลายสีก็ใช้ส่วนผสมเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็นฟักทองสำหรับสีเหลือง หรือใบเตยสำหรับสีเขียว เป็นต้น)
 2. ต้มน้ำในหม้อขนาดกลาง รอจนเดือดจึงใส่ลูกบัวลอยที่ปั้นไว้แล้ว เมื่อบัวลอยสุกให้นำออกมาแช่ในน้ำเย็น (บัวลอยที่สุกแล้วจะลอยขึ้น)
 3. ทำน้ำกะทิโดยผสม กะทิ, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป ควรใส่น้ำตาลทรายแค่ครึ่งเดียวก่อน ถ้ายังหวานไม่พอจึงค่อยใส่เพิ่มลงไป ต้มจนเดือด จึงหรี่ไฟลง นำบัวลอยที่ต้มไว้แล้วใส่ลงไปในน้ำกะทิ ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ ถ้ามีมะพร้าวอ่อนก็ใส่ได้เลย พร้อมลูกบัวลอย (กรณีต้องการทำบัวลอยไข่หวาน ก็ตอกไข่ใส่ไปในหม้อหลังจากที่ใส่บัวลอยลงไป รอจนไข่สุกจึงปิดไฟ)
 4. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว เสริฟขณะร้อนหรือรอให้เย็นก็ได้

ทำฝอยทอง

สูตรขนมหวานไทย : ฝอยทอง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม  

 * ไข่เป็ด 5 ฟอง
 * ไข่ไก่ 5 ฟอง
 * น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
 * น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
 * ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ (ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)
 * น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
 * กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ) 
 * ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)




วิธีทำขนมไทย

 ทีละขั้นตอน

 1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
 2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว 
 3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีทำขนมฟักทอง

วิธีทำขนมฟักทอง



ตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าชอบกินขนมไทยมาก โดยเฉพาะขนมฟักทองสีเหลืองนวลสวยที่เมื่อเคี้ยวลงไปแล้วมีความเหนียวหนึบหนับ และมีกลิ่นหอมหวานกะทิ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขนมฟักทองอร่อย ๆ นับวันยิ่งหาทานยากขึ้นทุกที แม้จะมีขายตามตลาดอยู่บ้าง แต่บางครั้งเมื่อได้ลองชิมแล้วรสชาติก็ไม่ถูกปาก เรียกว่าหาอร่อย ๆ ยากเสียจริง สำหรับคนที่อยากทำขนมฟักทองทานเอง และกำลังตามหาวิธีทำขนมฟักทอง ขนมไทยสุดคลาสสิกอยู่ละก็ วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีทำขนมฟักทองเหนียวหนึบหนับ สูตรจาก คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาฝาก รับรองว่าจะต้องถูกปากทุกท่านอย่างแน่นอน



วิธีทำขนมฟักทอง
 เหนียว หนึบ หนับ โดย คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน วันนี้นัทอยากชวนเพื่อน ๆ มาทำขนมฟักทองกันดีกว่า ใช้สูตรเดียวกับขนมกล้วยแค่เปลี่ยนกล้วยเป็นฟักทองเองค่ะ ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม แป้งมัน 40 กรัม แป้งเท้ายายม่อม 50 กรัม หัวกะทิ 200 กรัม เนื้อฟักทองนึ่งสุก 300 กรัม น้ำตาลปีบ 40 กรัม น้ำตาลทราย 90 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา มะพร้าวทึนทึกขูด 100 กรัม


วิธีทำ

 วิธีทำขนมฟักทอง เนื้อฟักทองที่นึ่งแล้วง มะพร้าวทึนทึกขูด หัวกะทิ ง ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อมลงในภาชนะ  ใส่กะทิลงในแป้ง จะใช้กะทิประมาณ 60-80 กรัม แล้วนวดขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานประมาณ 15 นาที แป้งต้องนวดเพราะจะทำให้แป้งเหนียวหนึบหนับค่ะ  นำกะทิที่เหลือ น้ำตาลปีบ น้ำตาลทราย เนื้อฟักทอง และเกลือป่น ใส่ลงในเครื่องปั่นเพื่อให้เนื้อละเอียด วิธีทำขนมฟักทอง นำส่วนผสมที่เราปั่นแล้วเทผสมลงในแป้ง  ใช้มือหรือตะกร้อมือคนเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน  เมื่อเราคนจนส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเสร็จแล้วนำไปห่อใบตองหรือใส่ถ้วยและนำไปนึ่งประมาณ 15 นาที เมื่อขนมสุกแล้วจะเป็นแบบนี้ค่ะ  ส่วนใครชอบมะพร้าวขูดสามารถโรยเพิ่มเวลาทานได้ค่ะ

แบบนึ่งใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟค่ะ เอาไว้เท่านี้ก่อน เดี๋ยวคราวหน้าจะมีสูตรและวิธีการทำขนมไทยอร่อย ๆ มาฝากเพื่อน ๆ อีกนะคะ นั่นแน่… แอบกลืนน้ำลายกันอยู่ใช่ไหมคะ ขนมไทยแต่ละชนิดควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ เหมือนอย่างเจ้าขนมฟักทองนี้ที่ถือว่าเป็นขนมไทยอีกชนิดหนึ่งที่ต้องลองชิม และยิ่งถ้าทำเป็นก็จะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเองและสามารถส่งต่อวิธีทำขนมฟักทองให้ลูกหลานสืบทอดได้ต่อไป ส่วนใครที่สนใจสูตรอาหารแบบทำง่าย ๆ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน รับรองว่ามีสูตรอาหารดี ๆ อีกเพียบเลย

ทุเรียนเชื่อม

                              ทุเรียนเชื่อม


ทุเรียนเชื่อม ขนมไทย สูตรดัดแปลงน่าลิ้มลอง จับทุเรียนดิบมาสร้างสรรค์เป็นเมนูใหม่ เก็บไว้กินเล่น ๆ ตอนไหนก็จัดไปตามต้องการ ที่สำคัญคือ คนที่ไม่ชอบกลิ่นเหม็นของทุเรียนก็ลองกินได้ไม่เหม็นอย่างที่คิด คนไทยเราชีวิตดี๊ดีนะคะ เกิดมาในผืนแผ่นดินไทยถึงอย่างไรก็ไม่อดตาย เพราะมีของกินอุดมสมบูรณ์เสียเหลือเกิน ดังสุภาษิตแต่โบราณที่กล่าวว่า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เมืองไทยเราไม่ได้มีเฉพาะข้าวปลาอาหารเท่านั้น แต่ยังมีผลไม้ที่ขึ้นชื่อหลากหลายด้วย และหนึ่งในนั้นคือ ทุเรียน ราชาผลไม้ไทยที่สร้างมูลค่ามหาศาลในตลาดต่างประเทศ และเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยมาก ๆ ทุเรียนกลิ่นหอม ๆ (จริงหรือ) ยิ่งเวลาสุกกลิ่นยิ่งแรง แต่ถ้าหากเบื่อกับการกินทุเรียนแบบเดิม ๆ แค่เอาเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนลองแปรรูปกันหน่อยดีกว่า กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำทุเรียนเชื่อม สูตรจาก คุณน้องอิง_มนุษย์เหงือก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรเด็ดเหมือนที่เขาทำขายเลยค่ะ ทุเรียนเชื่อม มาเสิร์ฟร้อนๆ @ ครัวแม่ลูกอ่อน โดย คุณน้องอิง_มนุษย์เหงือก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หน้าผลไม้มาเยือนแล้ว จะไม่พูดถึงราชาแห่งผลไม้ก็คงไม่ได้ แต่ซื้อมาทานทีไรก็ทนกับกลิ่นอันรุนแรงไม่ได้สักที วันก่อนมีเพื่อนในเฟซบุ๊กกระซิบมาว่า แถวจันทบุรีและตราดมีทุเรียนเชื่อมขาย อร่อยหวานหนึบ ๆ ไม่มีกลิ่นทุเรียนเลย ก็เลยลองสั่งมาดู 1 กิโลกรัม รวมค่าส่ง Ems ราคา 470 บาท แอบแพงนิดหนึ่ง แต่อร่อยอะ สรุปว่า กิน 2 วันหมด หนึบ ๆ เหนียว ๆ กินแล้วหยุดไม่ได้เลย ก็เลยอยากลองทำดูบ้าง เปิดสูตรดูในอินเตอร์เน็ตก็โอเค ไม่ยากนี่นา จัดการขับรถออกไปตลาด บอกแม่ค้าขอทุเรียนหมอนทองที่ยังไม่สุก เอาแบบเนื้อแข็ง ๆ แล้วปอกให้ด้วยค่ะ



ส่วนผสม
 ทุเรียนหมอนทองไม่สุก
 น้ำปูนใส
 น้ำตาลทราย 500 กรัม
 น้ำสะอาด 4 ถ้วยตวง
 น้ำเปล่า

 วิธีทำ

 วิธีทำทุเรียนเชื่อม เมื่อได้ทุเรียนมาแล้วก็จัดการเอาเมล็ดออก
 แช่น้ำปูนใสทิ้งไว้ 30 นาที (สูตรนี้แช่ 30 นาที พอนำไปเชื่อมยังรู้สึกว่าเนื้อยังเละ ๆ อยู่ บางสูตรบอกให้แช่ 3-4 ชั่วโมง เดี๋ยวจะลองทำใหม่ดู)
 เอาขึ้นมาล้างน้ำเปล่าและวางไว้ให้สะเด็ดน้ำบนกระชอน
 จัดการนำน้ำสะอาดและน้ำตาลทรายลงไปต้ม ใช้ไฟแรง ต้มประมาณ 15 นาที วิธีทำทุเรียนเชื่อม ใส่เนื้อทุเรียนลงไป วิธีทำทุเรียนเชื่อม รอจนทุเรียนสุก วิธีทำทุเรียนเชื่อม จากภาพนี้คือเนื้อทุเรียนสุกแล้ว วิธีทำทุเรียนเชื่อม วางพักทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็ตักเสิร์ฟได้เลยจ้า วิธีทำทุเรียนเชื่อม รสชาติผ่านค่ะ เหมือนที่ทำขายเป๊ะเลย แต่เนื้อทุเรียนยังเละไปหน่อย คราวหน้าจะลองแช่น้ำปูนใสให้นานขึ้น เผื่อจะเป็นชิ้นแบบที่เขาทำขายบ้าง ขอส่งท้ายด้วยพรีเซ็นเตอร์สุดสวยค่ะ สาวกทุเรียนยิ้มแก้มปริกันเลยทีเดียวใช่ไหมคะ ก็แหม…

 เราไปควานหาเมนูทำทุเรียนเชื่อมที่สามารถตอบโจทย์ของคนรักทุเรียนแบบเป๊ะเว่อร์มาฝาก ขอเสียงปรบมือให้หน่อย ฮิ้ว… รับประกันว่า นอกจากรสชาติของทุเรียนเชื่อมจะหวานหอมอร่อย เหนียวแน่นหนึบหนับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว กลิ่นทุเรียนออกน้อยมาก ๆ ใครทานก็ติดใจ และยังทำเก็บไว้ทานได้หลายวันทั้งในอุณหภูมิห้องและในตู้เย็นอีกด้วย แต่คาดว่าถ้าทำเสร็จแล้วไม่น่าเกิน 2-3 วัน คงจะต้องทำใหม่ เพราะซัดเรียบชัวร์

มะยงชิดลอยแก้ว

มะยงชิดลอยแก้ว


มะยงชิด มะปรางหวาน ลำพังแค่กินเป็นผลไม้ธรรมดา ๆ ก็ว่าฟินจะแย่แล้ว ไหน ๆ ช่วงนี้ก็เริ่มจะผลิดอกออกผลมาให้เห็นบ้างแล้ว ต้องลองจับมาทำเป็นเมนูลอยแก้วดู บอกเลยว่า ยิ่งกว่าฟินอีก ร้อน ๆ แบบนี้ ลองได้มะยงชิดลอยแก้วสักถ้วย เนื้อเน้น ๆ หวานเย็นชุ่มฉ่ำไว้ดับร้อนสักหน่อย รับรองได้เรื่อง

! วิธีทำมะยงชิดลอยแก้วสูตรนี้มาจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน ที่ใช้วัตถุดิบแค่ 4 อย่างเท่านั้นเองนะจ๊ะ 

ส่วนผสม มะยงชิด

 น้ำตาลทราย
 น้ำ
 ใบเตย

 วิธีทำ
 1. ทำน้ำเชื่อมโดยเทน้ำใส่หม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย นำขึ้นตั้งไฟ แล้วใส่ใบเตยลงไป เคี่ยวจนเริ่มเหนียวแล้วเอาใบเตยออก ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น (น้ำเชื่อมต้องเย็นนะคะ ไม่อย่างนั้นมะยงชิดจะสุกค่ะ) 

2. ปอกเปลือกมะยงชิดออกจนหมด แล้วคว้านเอาเม็ดออก (การปอกก็ตามใจเราเลยค่ะว่าจะปอกอย่างไร หรือจะหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็ได้ค่ะ)

 3. จัดมะยงชิดที่ปอกเปลือกแล้วเรียงภาชนะ เทน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วตามลงไป ปิดฝาให้มิดชิด จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นก่อนนำมารับประทาน

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สอนทำขนมข้าวโพดอบเนย


สอนทำขนมข้าวโพดอบเนย





* ข้าวโพด 2 ถ้วยตวง
 * น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
 * เนย 2 ช้อนโต๊ะ
 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ขนมหวานไทย








 : ข้าวโพด ขนมหวานไทย : ขนมข้าวโพดอบเนย 


 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน


 1. ตั้งน้ำในหม้อ และนำข้าวโพดไปต้มจนสุกดี นำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น
 2. แกะข้าวโพด หรือใช้มีดฟาน แต่ข้าวโพดที่แกะจะดูน่าทานกว่า แต่ก็ใช้เวลามากกว่าในการแกะ
 3. ตั้งหม้อบนไฟอ่อน ใส่เนยลงไป พอเนยเริ่มละลาย ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนจนละลายเข้ากัน   ดี จึงใส่ข้าวโพดลงไป คลุกให้เข้ากันทั่ว จึงปิดไฟ
 4. ตักข้าวโพดอบเนยใส่ถ้วย หรือจาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ

ฟักทองเชื่อม

                                   สอนทำ ฟักทองเชื่อม




เครื่องปรุง + ส่วนผสม 


 ขนมไทย : ฟักทองเชื่อมราดน้ำกะทิ
 * ฟักทอง 500 กรัม
 * น้ำตาลทราย 250 กรัม
 * น้ำเปล่า 450 กรัม
 * น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำกะทิ 100 กรัม
 * เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
 * แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ
 * น้ำปูนใส ขนมหวานไทย


: ฟักทองเชื่อม ขนมไทย : ฟักทองเชื่อมราดน้ำกะทิ

 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน


 1. นำฟักทองไปทำความสะอาด และหั่นเป็นชิ้นๆ (จะปอกเปลือกหรือไม่ปอกก็ได้ แล้วแต่ความชอบ) เสร็จแล้วนำไปแช่น้ำปูนใสประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นจึงนำขึ้นมาล้างน้ำและผึ่งให้แห้ง 
2. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้
 3. ใส่น้ำเปล่า, น้ำตาลทรายและน้ำมะนาวลงในกระทะทองเหลือง (หรือใช้กระทะเทฟลอนแทนก็ได้) นำไปตั้งไฟร้อนปานกลางรอจนน้ำตาลละลาย จึงใส่ฟักทองลงไปเชื่อมจนสุก จะมีลักษณะเงา ฉ่ำใส จึงปิดไฟ
 4. ตักฟักทองใส่ถ้วยและราดหน้าด้วยกะทิ เสริฟได้ทันที

ขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย

                                                          สอนทำ ขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย



เครื่องปรุง+ส่วนผสม
 * ข้าวเหนียว 150 กรัม

 * ลำใย 150 กรัม

 * น้ำเปล่า 1 ลิตร

 * น้ำตาลทราย 200 กรัม

 * ข้าวโพดนึ่งสุกแกะเป็นเม็ด 50 กรัม

 * หัวกะทิ 100 กรัม

 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

 * แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา ขนมหวานไทย : ขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย ขนมหวานไทย : ขนมข้าวเหนียวเปียกลำใย วิธีทำขนมไทย



 ทีละขั้นตอน 

 1. นำข้าวเหนียวไปซาวในน้ำสะอาด จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำให้แห้ง

 2. ปอกเปลือกลำใย คว้านเอาเม็ดออก ทำความสะอาดและล้างด้วยน้ำเปล่า จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำให้
แห้ง 

 3. ตั้งน้ำในหม้อด้วยไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำเดือดจึงใส่ข้าวเหนียวลงไป คนอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ข้าวเหนียวติดกันเป็นก้อน เมื่อข้าวเหนียวเริ่มสุก จึงใส่น้ำตาลทรายลงไปรอจนเดือดอีกครั้งและน้ำตาลทราย ละลายหมด ใส่ลำใยและข้าวโพดลงไป คนส่วนผสมทุกอย่าให้เข้ากัน ปิดไฟ

สูตรขนมหวานไทย : ขนมรังผึ้ง

                        สูตรขนมหวานไทย : ขนมรังผึ้ง

เครื่องปรุง + ส่วนผสม


 * แป้งข้าวเจ้า 4 ถ้วยตวง

 * แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ

 * ถั่วเหลืองต้มบดละเอียด 4 ถ้วยตวง

 * ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่ขาว) 4 ฟอง

 * หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

 * เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน




 1. นำแป้งไปผสมกับ น้ำตาลทราย, เกลือ และถั่วต้มบด คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
 2. นำไข่ขาวไปตีจนขึ้นฟู จากนั้นจึงนำไปเทผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่ง คนจนส่วนผสม ทั้งหมดเข้ากันทั่ว

 3. ทาน้ำมันบางๆทั่วแบบพิมพ์ ตักส่วนผสมแป้งเทลงในแบบ พอท่วมให้รีบปิดฝาบนทันที กลับพิมพ์ไปมาทั้งสองด้านให้ถูกความร้อนจนสุกเหลืองทั่ว จึงเคาะออกจากแบบ 
 4. เสริฟทันทีขณะร้อนๆ หรือ เสริฟทานพร้อมกับไอศครีม (หรือทานกับแยมผลไม้ด้วยก็ได้)

สอนทำ ขนมบ้าบิ่น


  

เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
 * หัวกะทิ 120 กรัม * มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 100 กรัม

* แป้งมัน 40 กรัม

 * แป้งข้าวเหนียว 80 กรัม

 * น้ำตาลทราย 100 กรัม

 * ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง

 * ไข่ไก่ (ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) 2 ฟอง
 วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

 1. นำมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยไปผสมกับ แป้งมัน, แป้งข้าวเหนียว, น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน
 2. จากนั้นใส่ไข่ไก่ทั้งฟองและกะทิ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
 3. ตักส่วนผสมเทใส่ถาด (หรือแบบที่เตรียมไว้) ควรทาน้ำมันบางๆที่ถาดเพื่อไม่ให้ขนมติดเมื่ออบเสร็จ  จากนั้นจึงนำไปอบด้วยอุณหภูมิ ประมาณ 280 - 300 องศาเซลเซียสประมาณ 25 นาทีหรือจนสุกทั่ว

 4. เมื่อขนมสุกแล้วนำออกมาแล้วทาด้วยไข่แดงที่หน้าขนม จากนั้นนำไปอบต่ออีกสักพัก จะได้ขนมที่มีหน้า เป็นสีน้ำตาล
  5. เมื่ออบรอบสองแล้ว นำออกมาทิ้งไว้ให้เย็น ตัดเป็นชิ้นๆเสริฟรับประทานได้ทันที

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สอนทำกล้วยบวดชี

สูตรขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี


เครื่องปรุง + ส่วนผสม ขนมหวานไทย 

: กล้วยบวดชี * กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
 * หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร
 * หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
 * ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
* เกลือ

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
 2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย

สอนทำลูกชุบ

สูตรขนมหวานไทย 

: ลูกชุบ เครื่องปรุง + ส่วนผสม ขนมหวานไทย : ลูกชุบ * ถั่วเขียว 450 กรัม * น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว) * น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น) * น้ำกะทิ 400 กรัม * วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ * น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)

 * สีผสมอาหาร (อย่างน้อยแม่สี 3 สี :
     สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน), จานสีและพู่กัน
 * ไม้จิ้มฟัน (สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
 * โฟม (สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)



วิธีทำขนมไทย

 ทีละขั้นตอน

 1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)

2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี 

3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)