วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนมข้าวเหนียวกลอยนึ่ง


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมข้าวเหนียวกลอยนึ่ง 

 * ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 2 ถ้วยตวง

 * กลอย (ตัดเป็นแผ่นๆ) 2 ถ้วยตวง

 * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง 

 * มะพร้าวทึนทึกขูด 1/2 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วยตวง สอนทำขนมไทยๆ ขนมชาววัง

 * งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา

 * เกลือป่น 1 ช้อนชา



วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. ล้างทำความสะอาดกลอย และข้าวเหนียว จากนั้นนำไปแช่น้ำค้างคืนไว้ 1 คืน โดยแช่แยกกัน 

2. หลังจากแช่น้ำเรียบร้อยแล้ว นำมาล้างทำความสะอาดอีกครั้ง จากนนั้นจึงนำกลอยแผ่น และข้าวเหนียวมาคลุกรวมกัน และนำไปนึ่งในหวดประมาณ 30 นาที หรือจนสุกดี

 3. ระหว่างรอข้าวเหนียวสุก เตรียมน้ำกะทิโดยเอาหัวกะทิใส่หม้อ นำไปตั้งบนไฟ ปานกลาง เมื่อกะทิเริ่มแตกมัน ให้ใส่น้ำตาลทราย (1/2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/2 ช้อนชา) ลงไป คนจนละลายดี แล้วจึงปิดไฟ ยกลงจากเตา  บ้านพักห้องเช่าในอรัญ

 4. ผสมน้ำตาล, งาคั่ว และ เกลือป่น (1/2 ช้อนชา) ไว้ทานคู่กับข้าวเหนียวกลอยนึ่ง 

5. เมื่อข้าวเหนียวและกลอยนึ่งสุกดีแล้ว นำลงเทใส่หม้อที่มีน้ำกะทิ (เตรียมไว้ในขั้นตอนที่ 3) คลุกเคล้าให้ทั่วขณะที่ยังร้อน เมื่อคลุกเคล้าดีแล้วให้ปิดฝาหม้อ เพื่อทิ้งไว้ให้ระอุอีกสักพัก 

6. ตักข้าวเหนียวและกลอยนึ่งใส่จานเสริฟเป็นชุด โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด และน้ำตาลผสมงาและเกลือ เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ หรือหลังมื้ออาหารก็ดี

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนมกง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมกง ส่วนผสมตัวขนม

 * ถั่วทอง 4 ถ้วย

 * มะพร้าวขูด 500 กรัม

 * น้ำตาลทราย 2 ถ้วย

 * น้ำมันพืชสำหรับทอด ส่วนผสมแป้งชุบ

 * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย

 * แป้งสาลี 1 ถ้วย

 * ไข่แดง (ไข่เป็ด) 1 ฟอง

 * น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

 * เกลือป่น 1 ช้อนชา

 * น้ำปูนใส 1/2 ถ้วย

 * น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

 * น้ำสะอาด 1 ถ้วย





วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

 1. นำถั่วทองไปล้างทำความสะอาด และนำไปบดละเอียด พักไว้

 2. นำมะพร้าวขูดไปคั้น ให้ได้น้ำกะทิข้นๆ ประมาณ 2 ถ้วย

 3. นำกะทิที่คั้นได้ ไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำตาลลงไป ขนจนน้ำตาลละลายดี เคี่ยวต่อให้ข้นเหนียวเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ 

4. ใส่ถั่วทองบดลงไปผสมกับส่วนผสมกะทิ+น้ำตาล คนให้เข้ากันดี พักไว้ให้เย็น

 5. นำส่วนผสมที่ทำไว้มาปั้นเป็นตัวขนม โดยแบ่งวีธีทำเป็นสามส่วนย่อย

 5.1 นำส่วนผสมปั้นเป็นเส้นกลมยาวประมาณ 2.5 นิ้ว จากนั้นจึงจับปลายทั้งสองข้างชนกัน จัดรูปทรงให้เป็นวงกลม
 5.2 ปั้นตัวขนมเป็นเส้นกลมยาวประมาณ 1.5 นิ้ว 2 เส้น และนำไปวางพาดบนขอบของตัวขนม ที่ทำไว้ในขั้นตอน 5.1 โดยพาดเป็นลักษณะกากบาท สอนทำขนม ชาววัง
 5.3 ปั้นเป็นตุ่มกลมๆ 5 ลูก และนำไปแปะบนตัวขนมกง ตรงตำแหน่งของปลายเส้น พาดทั้งสองด้าน ของทั้งสองเส้น รวม 4 จุด และตรงกลาง (จุดตัดของสองเส้น) อีก 1 จุด

 6. ทำแป้งสำหรับชุบตัวขนมก่อนทอด โดยนำส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นน้ำ ผสมกันในกะละมัง หรือชามขนาดใหญ่ นวดจนนิ่มและส่วนผสมเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่น้ำลงไป ผสมให้ส่วนผสม เข้ากันดี (แป้งไม่เป็นเม็ด) พักไว้

 7. นำตัวขนมที่ปั้นเสร็จแล้ว (ขั้นตอนที่ 5) จุ่มในแป้งชุบที่เตรียมไว้ (ขั้นตอนที่ 6) จากนั้นจึงนำไป ทอดในกระทะที่ตั้งไฟปานกลาง โดยทอดจนเหลือง กรอบ และสุกดี จึงนำออกมาสะเด็ดน้ำมัน โดยวางทิ้งไว้บนตะแกรง 8. จัดขนมใส่จานเสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ หรือจะเก็บใส่โหลหรือภาชนะมิดชิด ไว้ทาน ภายหลังก็ได้

เค้กกล้วยหอม

เพิ่งจะได้มีโอกาสลองทำเค้กกล้วยหอม เพราะคุณแม่มาอยู่เป็นเพื่อนหลานๆ ช่วงปิดเทอม เลยทำให้ท่านไว้ใส่บาตรตอนเช้า หาไว้ตั้งหลายสูตร สุดท้ายมาลงเอยสูตรคุณจุ๋มเพราะทำง่าย และสูตรเค้าอร่อยทุกอย่างจริงๆ ส่วนตัวไม่ชอบทานเค้กกล้วยหอม ไม่เคยซื้อทาน แต่พอได้ทำแล้วก็ทานเพลินดีเหมือนกันค่ะ เด็กๆที่บ้านก็ชอบมากมาย




เค้กกล้วยหอม สูตรแม่สลิ่ม ส่วนผสม 

ส่วนที่ 1 

แป้งสาลีบัวแดง 180 กรัม
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา 3/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 180 กรัม
 เกลือ 1/2 ช้อนชา

 ส่วนที่ 2

 น้ำมันพืช 170 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง (เบอร์ 0)

ส่วนที่ 3 

กลิ่นวานิลลาหรือกลิ่นกล้วยหอม 1 ช้อนชา
กล้วยหอมบด 200 กรัม
 นมสด (จืด) 1000 กรัม
 น้ำมะนาว 1เสี้ยว   สอนทำขนมไทยๆ ขนมชาววัง


วิธีทำ

1. อุ่นเตาอบอุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส ไฟบนและล่าง ไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน

2. วางกระทงกระดาษหรือกระทงอลูมินัมฟอล์ยลงในพิมพ์อลูมิเนียมที่ขนาดเหมาะสมกัน แล้วเรียงไว้ในถาด

3. แป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา ร่อนรวมกัน 2 ครั้ง ใส่ชามผสม

 4. น้ำตาล ใส่เกลือ เทลงในของแห้ง ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน พักส่วนนี้ไว้

 5. ปอกกล้วยหอมแล้วหั่นเป็นชิ้นย่อม ๆ ใส่ชามผสมใบเล็ก

6. เทโยเกิร์ตและนมสดลงไป ใช้ที่บดกล้วยบดให้ละเอียดและเข้ากัน

 7. เติมกลิ่นกล้วยหอมหรือกลิ่นวานิลลาลงในส่วนผสมกล้วยบด คนให้เข้ากัน พักส่วนนี้ไว้

 8. น้ำมันพืช และไข่ไก่ 2 ฟอง ใส่ชาม

 9. คนด้วยส้อมให้น้ำมันพืชและไข่เข้ากันดี

10. เทส่วนของไข่และน้ำมันพืชลงในของแห้ง

11. คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน

12. เทส่วนของกล้วยที่บดไว้ลงไป โดยแบ่งใส่ 2 ครั้ง

 13. ใส่ครั้งแรกลงไปแล้วคนด้วยตะกร้อมือพอเข้ากัน อาจจะยังไม่เข้ากันดี ไม่เป็นไรค่ะ

 14. ใส่กล้วยบดส่วนที่เหลือลงไป คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากันดี

 15. ตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ให้เกือบเต็มถ้วย เหลือพื้นที่ขอบถ้วยไว้ 2-3 มิลลิเมตร

16. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200-210 องศาเซลเซียส ไฟบนและล่างไม่เปิดพัดลมกระจายความร้อน 10 นาที

 17. ครบ 10 นาทีแล้ว ลดอุณหภูมิของเตาอบลงเหลือ 180 องศาเซลเซียส ยังคงไม่เปิดพัดลม อบต่อจนเค้กแล้วนำออกจากเตา พักไว้บนตะแกรง 5 นาที

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนมกาละแม


เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
 ขนมหวานไทย : ขนมกาละแม

 * แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง

 * แป้งท้าวยายม่อม 1 ถ้วยตวง

 * น้ำกะทิ 5 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง สอนทำขนมไทย ชาววัง

 * น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง





วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

 1. นำกะทิไปตั้งในกระทะทองเหลืองบนไฟปานกลาง

 2ใส่น้ำตาล แป้งข้าวเหนียว และแป้งท้าวยายม่อมลงไป

 3. กวนส่วนผสมจนงวด เหนียว เทใส่ถาดแบบหรือภาชนะ ที่เตรียมไว้ พักไว้ให้เย็น

 4. นำน้ำมันทาผิวบางๆ เพื่อให้เงาสวย จากนั้นใช้มีดตัด เป็นชิ้นตามต้องการ หมายเหตุ : กรณีต้องการทำให้กาละแมมีสีต่างๆ เช่น ถ้าต้องการสีเขียว อาจใส่น้ำใบเตยเข้าไปในส่วนผสม หรือถ้าต้องการสีดำ ให้เอากาบมะพร้าวไปเผาไฟและนำ ไปละลายน้ำ เสร็จแล้วกรองเอาแต่น้ำไปผสมในกาละแม

ขนมถั่วดำแกงบวด



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมถั่วดำแกงบวด 

 * ถั่วดำดิบ 1 ถ้วย

 * กะทิ 2 1/2 ถ้วย

 * น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม

 * น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม

 * ข้าวเหนียวมูน (ไว้ทานกับถั่วดำแกงบวด)  สอนทำขนมไทยๆ ชาววัง




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

 1. ล้างทำความสะอาดถั่วดำ เลือกเอาสิ่งสกปรกที่ปนมากับถั่วออก

 2. แช่ถั่วดำไว้ในน้ำสะอาดอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือทิ้งไว้ค้างคืนก็ได้ 

3. นำถั่วดำที่แช่น้ำได้ที่แล้ว ไปต้มในน้ำเดือดจนสุก รินน้ำออกให้หมด

 4. นำกะทิไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำตาล และคนต่อเนื่องจนน้ำตาลละลายดี

 5. ใส่ถั่วที่ต้มสุกแล้ว (ขั้นตอนที่ 3) ลงไปในน้ำกะทิ รอจนกะทิเดือดจึงปิดไฟ ระหว่างรอเดือดกวนเป็นพักๆ

 6. ตักใส่ถ้วยเสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ หรือจะเสริฟพร้อมข้าวเหนียวมูนก็ได้

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

แกงบวดฟักทอง


เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
 ขนมหวานไทย : แกงบวดฟักทอง 

 * ฟักทองหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2 ถ้วยตวง
 * น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วยตวง
 * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
 * หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
 * ใบเตย 2 ใบ
 * น้ำตาลทราย 40 กรัม
 * น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา  สอนทำขนมชาววัง




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

1. ทำความสะอาดและหั่นฟักทองเป็นชิ้นพอดีคำ เพื่อความสวยงามไม่ต้องปอกเปลือกออก

 2. นำหางกะทิ, ใบเตย, น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บใส่ลงไปในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลางจนเดือด

 3. ใส่ฟักทองที่หั่นไว้แล้วลงไป ต้มต่อไปจนฟักทองสุกและนุ่ม (ใช้เวลาประมาณ 10 นาที)

 4. ใส่หัวกะทิและเกลือลงไป ต้มต่อจนเืดือดอีกครั้งจึงปิดไฟ 

5 . ตักใส่ถ้วย สามารถเสริฟทันทีขณะร้อน หรือปล่อยไว้ให้เย็นแล้วค่อยเสริฟเป็นอาหารว่างในวันสบายๆ

กล้วยทอด



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : กล้วยทอด

 * กล้วยน้ำว้าห่าม 1 หวี
 * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
 * แป้งสาลี 1/4 ถ้วย
 * เกลือ 1/2 ช้อนชา
 * ผงฟู 1 ช้อนชา
 * งาขาวคั่ว (ปริมาณตามความชอบ)
 * มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย
 * น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
 * หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
 * น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
 * ใบเตย 3-5 ใบ
 * น้ำมันสำหรับทอด สอนทำขนม




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

1. นำกล้วยมาปอกเปลือกและหั่นตามยาวเป็นชิ้นบางๆ หนึ่งลูกควรหั่นให้ได้อย่างน้อย 3 ชิ้น

 2. นำแป้งข้าวเจ้า, แป้งสาลี, เกลือ, ผงฟู, น้ำตาลปี๊บ, งาขาว, มะพร้าวขูด, น้ำปูนใสและหัวกะทิ ผสมเข้าด้วยกันในชามขนาดใหญ๋ คนจนแป้งและน้ำตาลละลายดี ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว

 3. ใส่น้ำมันลงในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟค่อนข้างแรง รอจนน้ำมันเดือด จึงใส่ใบเตยลงไปทอดก่อนให้น้ำมันหอม

 4. นำกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งชุบแป้งแล้วนำไปลงทอดจนเหลืองสุกและกรอบ จึงตักออกมาสะเด็ดน้ำมัน

 5. เรียงจัดใส่จาน และเสริฟเป็นของว่างทานเล่น

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนมกล้วย

 ขนมกล้วย




เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
 ขนมกล้วย (Steamed Banana Cake)

 * กล้วยน้ำว้า 8 - 10 ลูก
 (ปอกเปลือกและบดให้เละ)

 * แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง

 * แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง

 * น้ำตาล 1 1/4 ถ้วยตวง

 * เกลือป่น 1/2 ช้่อนชา

 * หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง

 * เนื้อมะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง  สอนทำขนมทั่วไป




วิธีทำทีละขั้นตอน 

 1. นำกล้วย, แป้งข้าวเจ้า, แป้งมัน, น้ำตาล, เกลือ, หัวกะทิ และ เนื้อมะพร้าวขูด (ประมาณ 3/4 ส่วนของทั้งหมด) ผสมกัน จากนั้นนวดด้วยมือจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว 

2. ตักส่วนผสมในข้อหนึ่งลงในถ้วยหรือแบบที่ต้องการ หรือจะใช้ใบตองห่อก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก เสร็จแล้วนำเนื้อมะพร้าวขูดที่เหลือโรยหน้า

 3. นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที หรืออาจนำไปอบโดยใช้ความร้อนประมาณ 180 องศาเซลเซียส (360 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นเวลา 30 นาทีเช่นกัน 

4. เมื่อขนมกล้วยสุกแล้ว ให้นำออกจากแบบ สามารถเสริฟได้ทั้งขณะร้อนหรือเย็นแล้ว

สังขยาใบเตย

สังขยาใบเตย



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : สังขยาใบเตย + ขนมปัง 

 * ใบเตยซอยละเอียด 150 กรัม

 * ไข่ 1 ฟอง

 * นมข้นจึด 2 ถ้วยตวง

 * น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง

 * น้ำตาล 200 กรัม

 * แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ

 * ขนมปังหรือปาท่องโก๋
 (สำหรับทานกับสังขยา)  สอนทำขนม ชาววัง



วิธีทำขนมไทย 
ทีละขั้นตอน

 1. นำใบเตยและน้ำเปล่าใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า และปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง

 2. ใส่นมข้นจึด, น้ำตาล, แป้งข้าวโพด, ไข่ และน้ำใบเตย (ที่ทำในขั้นตอนที่หนึ่ง) ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้าและปั่นจน ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว



3. นำส่วนผสมที่ได้ ไปใส่ลงในกระทะและตั้งบนไฟอ่อนๆ และคนอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 นาที จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น

 4. ตักสังขยาใส่ถ้วยแล้วโรยหน้าด้วยนมข้นจืดนิดหน่อย และจัดเสริฟพร้อมกับขนมปัง หรือปาท๋องโก๋แล้วแต่ชอบ

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

มันสำปะหลังเชื่อม



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมไทย : มันสำปะหลังเชื่อม

 * มันสำปะหลัง 800 กรัม

 * น้ำเปล่า 1000 กรัม

 * น้ำตาลทราย 300 กรัม

 * น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

 * หัวกะทิ 100 กรัม

 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

 * แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา สมุนไพรไทย




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. ทำความสะอาดมันสำปะหลัง ปอกเปลือกและหั่นเป็นท่อนๆ 

2. นำกระทะทองเหลืองไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่น้ำเปล่าลงไปต้ม รอเดือดจึงใส่มันสำปะหลังลงไปต้ม

 3. ต้มจนมันสำปะหลังเกือบสุก ใส่น้ำตาลทรายและน้ำมะนาวลงไป กลับข้างไปมาอย่างระมัดระวัง เชื่อมจนมันสุกทั่ว (ผิวจะฉ่ำน้ำตาล และใส เป็นเงา) จึงปิดไฟ

 4. ทำน้ำราดกะทิ โดยใส่น้ำกะทิ, แป้งข้าวเจ้าและเกลือลงในหม้อเล็ก ตั้งบนไฟอ่อนๆจนเข้ากันดี ปิดไฟและพักไว้ 

5. ตักมันสำปะหลังเชื่อมใส่จานเสริฟ ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ รับประทานได้ทันที

ขนมเทียน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

 * แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม

 * น้ำตาลโตนด 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวแป้ง) 

* น้ำตาลโตนด 1 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำไส้)

 * ถั่วเขียวกะเทาะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

 * พริกไทย 1 ช้อนชา

 * น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ

 * มะพร้าวขูด 2 ถ้วยตวง

 * เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา สอนทำขนมไทบ ชาววัง




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

1. เริ่มจากทำตัวแป้งก่อนโดย นำน้ำตาลโตนดไปเคี่ยวจนเหนียวแล้วจึงนำไปนวดกับแป้งข้าวเหนียวจนเข้ากันดี 

2. เตรียมทำไส้หวาน โดยนำน้ำตาลโตนดเคี่ยวกับมะพร้าวจนแห้งจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ สำหรับไส้เค็ม ให้นำน้ำมันใส่กระทะไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นใส่ถั่วนึ่ง, พริกไทย, เกลือและน้ำตาลทราย ผัดจนหอมและส่วนผสมเข้ากันทั่วจึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น

 3. ห่อขนมโดยตัดใบตองเป็นแผ่นๆ เช็ดให้สะอาดและทาด้วยน้ำมันนิดหน่อย ตักแป้งใส่แล้วห่อไส้เค็มหรือไส้หวานตามชอบ จากนั้นนำแป้งอีก ก้อนวางลงบนไส้ ห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนสุกดี


วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สังขยาฟักทอง

สังขยาฟักทอง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม

 ขนมหวานไทย : สังขยาฟักทอง

 * ฟักทอง 1 ลูก (น้ำหนักประมาณ 400 - 600 กรัม)

 * ไข่่ 4 ฟอง

 * หัวกะทิ 3/4 ถ้วยตวง

 * น้ำตาลปิ๊บ 1/4 ถ้วยตวง

 * แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

 * เกลือป่น 1/4 ช้่อนชา

 * น้ำปูนใส  สอนทำขนมไทยต่างๆ





วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 


1. นำฟักทองมาตัดออกเป็นสี่เหลี่ยมบริเวณหัวขั้วจากนั้นจึงขวักเมล็ดข้างในออก จนกลวงเป็นช่องภายใน จากนั้นจึงนำไปน้ำปูนใสประมาณ 8 - 10 นาที แล้วจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ (เคล็ดลับ : แช่น้ำปูนใสเพื่อไม่ให้ฟักทองแตกเวลานึ่ง)   สอนทำขนมชุบ

 2. ระหว่างรอฟักทองที่แช่ในน้ำปูนใส เตรียมทำสังขยาโดยผสมไข่ไก่, หัวกะทิ , แป้งข้าวเจ้า, น้ำตาลปิ๊บ และเกลือ คนจนส่วนผสมเข้ากันดี

 3. นำส่วนผสมสังขยาที่ทำในขั้นตอนที่สองเทลงในฟักทอง จากนั้นจึงนำไปนึ่งประมาณ 20 - 25 นาที กรณีเสริฟเป็นลูกฟักทอง ก็นำฝาที่ตัดออกไปนึ่งด้วย ถ้าแบ่งเสริฟก็หั่นเป็นชิ้นๆ เพื่อความสวยงามและน่ารับประทาน เวลาหั่นควรระวังไม่ให้สังขยาเละ

ทับทิมกรอบ

ทับทิมกรอบ



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 

 ทับทิมกรอบ

 * แห้ว 800 กรัม
 (ล้าง, ปอกเปลือกและหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า)

 * กะทิ 2 1/2 ถ้วยตวง 

* เกลือป่น 2 ช้อนชา

 * น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง

 * น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง

* น้ำหวานแดง 1 1/2 ถ้วยตวง

 * แป้งมัน 500 กรัม

 * ขนุนฉีกเป็นฝอย, เมล็ดข้าวโพดสุก
 (สำหรับโรยหน้า จะมีหรือไม่มีก็ได้)  สอนทำขนมไทย




วิธีทำทีละขั้นตอน


 1. นำแห้วที่หั่นเสร็จแล้วไปแช่ในน้ำแดงประมาณ 15 นาที จากนั้นจึงนำออกมาสะเด็ดน้ำ

 2. นำแห้วที่แช่ในน้ำแดงไปคลุกในแป้งมันให้ติดผิว ค่อยๆคลุกให้ติดทั่วผิวแห้วทั้งหมด จากนั้น จึงนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุกจึงนำออกมาแช่น้ำเย็น (วิธีสังเกตุ : แห้วสุกแล้วจะลอยขึ้นเหนือน้ำ)

 3. เตรียมทำน้ำเชื่อม โดยผสมน้ำตาลกับน้ำและนำไปต้มจนเดือด คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายดี แล้วจึงปิดไฟ

 4. นำกะทิและเกลือไปใส่ในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนจนส่วนผสมละลายเข้ากันดี จึงปิดไฟ

 5. นำเมล็ดทับทิม ไปใส่ในถ้วยเสริฟ โรยหน้าด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ราดด้วยน้ำเชื่อม,น้ำกะทิ, ขนุนฝอยและข้าวโพด (ถ้าต้องการ) เสริฟทันทีเป็นอาหารว่าง คลายร้อนในวันสบายๆ สอนทำขนมชาววัง

ครองแครงกะทิสด


เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมครองแครงกะทิสด

 * แป้งมัน 3/4 ถ้วยตวง
 * น้ำกะทิ 1/2 ถ้วยตวง (สำหรับทำตัวครองแครง)
 * หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำกะทิ)
 * น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วยตวง
 * เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
 * งาขาวคั่ว 3 ช้อนชา (สำหรับโรยหน้าครองแครง)
 * แม่พิมพ์สำหรับกดแป้งทำครองแครง
สอนทำขนม ชาววัง





วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. นำแป้งมันไปร่อนและผสมกับน้ำกะทิ (1/2 ถ้วยตวง) ในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนแป้งละลาย คนจนแห้งและเหนียว จึงปิดไฟ 

2. นำแป้งมานวดจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว และนำไปปั้นเป็นลูกกลมๆ จากนั้นจึงนำไปกดบนแบบครองแครง (ถ้าไม่มีใช้ส้อมกดแทนพอได้) เสร็จแล้วนำไปคลุกแป้งมันนิดหน่อยเพื่อไม่ให้ติด และใช้ผ้าขาวบางหมาดๆ คลุมไว้ ทำครองแครงจนแป้งหมด

3. ตั้งน้ำร้อนในหม้อจนเดือด จึงนำครองแครงที่ปั้นแล้วใส่ลงไปต้มจนสุกใส จึงนำออกมาแช่น้ำเย็นไว้สักพักแล้วนำออกมาสะเด็ดน้ำ ขนมไทยต่างๆเพิ่มเติม

 4. ทำน้ำกะทิโดยผสมหัวกะทิ (1 ถ้วยตวง), น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในหม้อ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ จนละลายเข้ากันดี รอจนน้ำกะทิเดือดจึงใส่ครองแครงที่ต้มสุกแล้วลงไป ต้มต่ออีกสักพักจึงปิดไฟ 5. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยงาขาว และเสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆ

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ข้าวเหนียวมะม่วง



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ข้าวเหนียวมะม่วง

 * มะม่วงสุก 3 ลูก
 * ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
 * หัวกะทิ 450 กรัม
 * เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
 * น้ำตาลทราย 550 กรัม
 * ใบเตย 3-5 ใบ
 * ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ
 * หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำราด)
 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา (สำหรับทำน้ำราด)

สอนทำขนมไทย




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน 

 1. นำข้าวเหนียวไปล้างและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ

2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก

 3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ

 4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที

 5. ในระหว่างที่รอ เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดย ผสมหัวกะทิ (2 ถ้วยตวง) และเกลือป่น (1/4 ช้อนชา) ลงในหม้อขนาดเล็ก และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนเกลือละลายทั่ว จึงปิดไฟ

 6. ปอกมะม่วงและจัดใส่จาน เวลาเสริฟ ตักข้าวเหนียวใส่จานจากนั้นโรยหน้าด้วยน้ำราดกะทิและถั่วทอง ควรเสริฟทันทีหลังจากปอกมะม่วงเสร็จใหม่ๆ

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขนมเต้าส่วน

ขนมเต้าส่วน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม 
 ขนมหวานไทย : ขนมเต้าส่วน 

 * แป้งมัน 50 กรัม

 * ถั่วเขียวเลาะเปลือก 250 กรัม

 * น้ำเปล่า 900 กรัม * หัวกะทิ 200 กรัม

 * เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

 * แป้งเข้าวเจ้า 1/2 ช้อนชา



วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือก ล้างทำความสะอาด จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปใส่ผ้าขาวบางและนำไปนึ่งจนสุก 

2. ระหว่างรอถั่วเขียวนึ่ง เตรียมทำน้ำกะทิราดหน้าโดยนำหัวกะทิไปผสมกับเกลือและนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนสักพักจึงใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปกวนจนแป้งสุกจึงปิดไฟ และพักไว้

 3. นำน้ำเปล่าไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง จากนั้นจึงใส่น้ำตาลทรายลงไปคนจนละลายดี เสร็จแล้วใส่แป้งมัน ลงไปคนต่อจนแป้งสุกใส ใส่ถั่วเขียวนึ่งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่หนึ่งลงไป คนจนกระจายทั่ว จึงปิดไฟ 

4. ตักเต้าส่วนใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ (ที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่สอง) พร้อมเสริฟได้ทันทีทั้งร้อนและเย็น

ขนมเปียกปูน

ขนมเปียกปูน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ขนมเปียกปูน

 * แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง

 * แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ

 * น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม

 * น้ำกาบมะพร้าวเผา 3/4 ถ้วยตวง

 * น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง

 * น้ำปูนใส 4 ถ้วยตวง

 * เนื้อมะพร้าวฝอย 1 1/2 ถ้วย (คลุกเกลือนิดหน่อย ไว้สำหรับโรยหน้า)




วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. นำกาบมะพร้าวไปเผาไฟพอไหม้นิดหน่อยจึงนำไปจุ่มลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้กาบมะพร้าวแห้ง จึงนำไปโขลกให้ละเอียด และร่อนจนได้ผงละเอียด แล้วจึงนำไปผสมกับน้ำสะอาด 3/4 ถ้วยตวง

 2. ผสมแป้งข้าวเจ้าและ แป้งเท้ายายม่อม กับน้ำกะทิ, น้ำปูนใส, น้ำกาบมะพร้าว (ที่ทำในขั้นตอนที่ 1)และ น้ำตาลมะพร้าว ผสมจนทุกอย่างละลายเข้ากันดีจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง

 3. เมื่อกรองเสร็จแล้ว เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอนก็ได้) นำไปตั้งไฟกวนโดยใช้ไฟแรง กวนสักพักพอแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงลดไฟลงและ กวนต่อจนส่วนผสมข้นและเหนียว จึงเทใส่ถาดเกลี่ยหน้าให้เรียบหรือเทใส่แบบพิมพ์ที่เตรียมไว้

 4. ถ้าเทใส่ถาด รอจนส่วนผสมเย็นจึงตัดเป็นชิ้น โรยด้วยเนื้อมะพร้าวฝอย ตักเป็นชิ้นใส่จานเสริฟ หรือเสริฟทั้งถาดแล้วแต่ความเหมาะสม

วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สูตรขนมหวานไทย : ข้าวเหนียวมูน

สูตรขนมหวานไทย 

                                         ข้าวเหนียวมูน



เครื่องปรุง + ส่วนผสม
 ขนมหวานไทย : ข้าวเหนียวมูน

 * ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม

 * หัวกะทิ 450 กรัม

 * เกลือป่น 3/4 ช้อนชา

 *  น้ำตาลทราย 550 กรัม

 * ใบเตย 3-5 ใบ

 * ถั่วทอง 5 ช้อนโต๊ะ

 * น้ำใบเตย, น้ำแครอท, น้ำดอกอัญชัญหรือสีผสมอาหารตามชอบ

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

 1. นำข้าวเหนียวไปล้างทำความสะอาดและแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน จากนั้นนำไปสะเด็ดน้ำ (กรณีต้องการทำข้าวเหนียวที่มีสีต่างๆ ก็ให้ใส่สีลงไปในน้ำที่แช่ค้างคืนไว้ด้วย)

 2. นำผ้าขาวบางรองไว้ในซึ้งหรือหม้อนึ่ง แล้วจึงนำข้างเหนียววางลงบนผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปนึ่งจนข้าวเหนียวสุก

 3. ในหม้อขนาดเล็ก ใส่น้ำตาล, เกลือป่น (3/4 ช้อนชา) และหัวกะทิ และนำไปตั้งบนไฟอ่อนๆ คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นจึงใส่ใบเตยลงไป ทิ้งไว้สักพักจึงปิดไฟ

 4. ในชามขนาดกลาง ใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งไว้จนสุกดีแล้วลงไป จากนั้นจึงใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวไว้ในขั้นตอนที่สามตามลงไป คนจนส่วนผสมเข้ากันทั่ว และทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที ก็สามารถนำไปเสริฟได้ (เวลาเสริฟอาจโรยหน้าด้วยถั่วทอง) หมายเหตุ : ข้าวเหนียวมูนสามารถนำไปทานกับมะม่วงสุก หรือทานกับสังขยา, หรือทานเป็นข้าวเหนียวมูนหน้ากุ้ง + หน้าปลาแห้ง และอื่นๆ

เกี่ยวกับขนมไทย

ขนมไทย เป็นของหวานที่นิยมทำและรับประทานกันในประเทศไทย สะท้อนถึงเอกลัษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติ โดยแสดงถึงความละเอียดอ่อน ความพิถีพิถัน และความปราณีตตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ จนถึงขึ้นตอนการทำอย่างกลมกลืนของศาสตร์และศิลป์ ส่งผลให้ขนมไทยโดดเด่นในด้านรสชาติที่อร่อยหอมหวาน สีสัน รูปลักษณ์ สวยงาม ชวนน่ารับประทาน เป็นที่ต้องตาต้องลิ้นแก่ผู้บริโภคทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ 



 ปัจจุบันขนมไทย สอดแทรกอย่างกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประจำชาติ มีบทบาทสำคัญในพิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบุญ งานเทศกาล หรือประเพณี ที่สำคัญ อันสะท้อนถึงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละชุมชนได้เป็น อย่างดี นอกจากนั้นขนมไทยยังแอบซ่อนความหมายอันเป็นมงคลไว้อย่างน่า สนใจ ไม่ว่าจะเป็นงานวันเกิด งานขึ้นบ้านใหม่ หรืองานแต่งงาน ก็จะมีขนมไทย ความหมายดีๆ ประกอบอยู่ในพิธีอย่างขาดเสียไม่ได้ (เช่น ขนมถ้วยฟู มีความ หมายแฝงคือ การเฟื่องฟู / ขนมชั้น แสดงถึงการได้เลื่อนขึ้นชั้น เลื่อนตำแหน่ง เจริญก้าวหน้า เป็นต้น)

ขนมหวานไทย : ทองหยอด

ขนมหวานไทย : ขนมเบื้อง 



ขนมไทยอาจแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มหลักคือ


  1. ขนมชาววัง : เป็นขนมไทยที่ใช้ความละเมียดละไม ประดิดประดอยหลาย ขั้นตอน สูตรต้นตำหรับเกิดจากการค่านิยมที่คนสมัยก่อนมักส่งลูกหลานที่ เป็นผู้หญิงเข้าไปในวัง เพื่อถวายตัวรับใช้เจ้านายในตำหนักต่างๆ โดยมีการฝึกฝน ฝืมือด้านต่างๆอย่างวิถีของชาววัง รวมถึงการฝีกทำอาหารและขนมด้วย ขนมไทย ชาววังจึงขึ้นชื่อในเรื่องของความละเอียด ประณีต พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการ ทำรวมถึงการเลือกใช้วัตถุดิบ ตัวอย่างของขนมชาววังได้แก่ ขนมลูกชุบ ขนมเบื้อง วุ้นกะทิ วุ้นสังขยา ขนมไข่เหี้ย เป็นต้น

  2. ขนมชาวบ้าน (หรือขนมตามฤดูกาล) : เป็นขนมไทยที่ทำง่ายๆ ไม่พิถีพิถันมาก วัตถุดิบที่ใช้ มักจะเป็นผลไม้ที่หาได้ตามฤดูกาล มักทำกันทานภายในครัวเรือน โดยเน้นทำกิน เอง เหลือก็สามารถนำไปขายได้ ตัวอย่างของขนมชาวบ้าน ได้แก่ ฟักทองเชื่อม กล้วยไข่เชื่อม กล้วยตาก เป็นต้น นอกจากผลไม้ที่หาได้ตามฤดูกาลแล้ว วัตถุดิบ หลักอื่นๆที่ใช้ก็มักจะเป็นสิ่งที่หาได้ง่าย เช่นข้าวเจ้า ข้าวเหนียว มะพร้าว นำมาผสม กับน้ำตาล ทำเป็นขนมได้หลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นขนมเปียกปูน ขนมจาก ขนมขี้หนู ตะโก้ ขนมน้ำดอกไม้ และอื่นๆอีกมากมาย สำหรับผลไม้ที่เหลือเกินรับประทาน ก็จะนำมาถนอมอาหารด้วย ภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อให้สามารถเก็บไว้กินได้นานๆ เช่น ทุเรียนกวน มะม่วงกวน กล้วยตาก กล้วยฉาบ เป็นต้น ขนมหวานไทย : ขนมน้ำดอกไม้ ขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี

  3. ขนมไทยที่ใช้ในงานประเพณี และศาสนา : ขนมไทยในกลุ่มนี้จะสอดแทรกอยู่ ในงานประเพณีต่างๆ รวมถึงงานบุญทางศาสนาด้วย ตัวอย่างเช่น ในประเพณีปีใหม่ ของไทย (วันสงกรานต์) นอกจากมีการทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัวแล้ว คนไทยใน สมัยโบราณนิยมทำขนม กาละแมร์ และข้าวเหนียวแดงเพื่อถวายพระและแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านอีกด้วย นอกจากนั้น ในช่วงวันสารทไทย ก็มักจะนิยมทำขนม "กระยาสารท" เพื่อทำบุญ รำลึกถึงบรรพชนที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะตักบาตรด้วยกระยาสารทที่ตัดเป็นชิ้นๆแล้ว ห่อด้วยใบตองคู่กับกล้วยไข่เป็นของแกล้มกัน

  4. ขนมไทยที่ใช้กับงานมงคล : งานมงคลต่างๆ มักจะมีขนมไทยความหมายดีๆ ประกอบอยู่ในพิธีอย่างขาดเสียมิได้ ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ โดยงานมงคลเหล่านี้มักจะมีการทำบุญเลี้ยงพระ ตัวอย่างขนมไทยที่ใช้ในงานมงคลได้แก่ ขนมชั้น เม็ดขนุน ขนมถ้วยฟู ขนมปุยฝ้าย เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีขนมที่มีคำว่าทองทั้งหลาย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ทองเอก ทองพลุ เพื่อมีความหมายนัยว่า เงินทองจะได้ไหลมาเทมา ส่วนเม็ดขนุนก็สื่อถึงการทำภารกิจใดๆ ก็จะลุล่วงไปได้ ด้วยดี มีคนช่วยเหลือสนับสนุนให้งานสำเร็จ ขนมถ้วยฟู / ปุยฝ้าย สื่อถึงความเฟื่องฟู ส่วนในงานฉลองเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ก็มักจะมีขนมจ่ามงกุฏ เพื่อสื่อถึงยศตำแหน่ง ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น